ผู้ให้บริการกลยุทธ์และผู้ดูแลพอร์ทการลงทุนจะได้รับคะแนนตามผลการดำเนินงาน ซึ่งเรียกว่าระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด ระดับความน่าเชื่อถือในการเทรดคำนวณจากค่าเฉลี่ยของสองค่า คือคะแนนความปลอดภัยและคะแนนมูลค่าความเสี่ยง (VaR)
ระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด (TRL) มาจากผลงานกลยุทธ์และกองทุนทั้งหมดของคุณ และแสดงถึงประวัติความน่าเชื่อถือที่ผ่านมา นักลงทุนอาจมีแนวโน้มที่จะลงทุนกับเทรดเดอร์ที่มีระดับความน่าเชื่อถือในการเทรดสูง
วิธีดูระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด
- ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
- เปิดแถบโซลูชั่นการจัดการพอร์ทการลงทุน
- ค้นหาระดับความน่าเชื่อถือในการเทรดที่แสดงอยู่ข้างกลยุทธ์และ/หรือกองทุนที่มีการลงทุนของคุณ
- คลิกกองทุนที่ต้องการเพื่อเปิดข้อมูลของระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด
ข้อมูลของ TRL จะแสดงคะแนนความปลอดภัยและคะแนน VaR รวมทั้งกราฟประวัติระดับความน่าเชื่อถือในการเทรดที่สามารถปรับแต่งได้ คุณสามารถปรับแต่งกราฟได้ตามกรอบเวลา โดยมีการคำนวณผลลัพธ์เป็นรายวัน
คะแนนความปลอดภัย
คะแนนความปลอดภัยแสดงความสามารถของคุณในการหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินทุนของกลยุทธ์หรือกองทุน เช่น เมื่ออิควิตี้ลดลงมาถึงศูนย์หรือต่ำกว่าระหว่างการเทรด คะแนนที่ยิ่งต่ำหมายความว่าเกิดการปิดคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติในกลยุทธ์หรือกองทุนนั้นบ่อยขึ้น
คะแนน VaR
คะแนน VaR (มูลค่าความเสี่ยง) แสดงความสามารถของคุณในการจัดการกับอัตราขาดทุน ซึ่งเป็นการวัดผลขาดทุนในครั้งเดียวตั้งแต่จุดสูงสุดจนถึงจุดต่ำสุด หากคะแนน VaR ยิ่งสูง สัดส่วนเงินทุนที่อาจสูญเสียโดยนักลงทุนในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็จะยิ่งน้อยลง
ข้อมูลเกี่ยวกับการให้คะแนนระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด
ระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด (TRL) คือตัวเลขระหว่าง 0 ถึง 100 ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการกลยุทธ์หรือผู้ดูแลพอร์ทการลงทุนตามผลงานการเทรดของแต่ละคน หากระดับยิ่งสูง ผลการเทรดของเทรดเดอร์ก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือ TRL สามารถคำนวณได้หลังจากเปิดคำสั่งซื้อขายครั้งแรกในกลยุทธ์หรือกองทุนไปแล้ว 30 วัน
ระดับความน่าเชื่อถือในการเทรดแบ่งได้ดังนี้
0-40: คะแนนต่ำ
41-70: คะแนนปานกลาง
71-100: คะแนนสูง
โปรดทราบว่า TRL นั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ผ่านมาและไม่ใช่การคาดการณ์ถึงผลการเทรดในอนาคต
นัยสำคัญของระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด
เมื่อผู้ให้บริการกลยุทธ์หรือผู้ดูแลพอร์ทการลงทุนมีระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด (TRL) ผ่านระดับนัยสำคัญ นักลงทุนก็จะสามารถมองเห็นผู้ให้บริการกลยุทธ์หรือผู้ดูแลพอร์ทการลงทุนรายนั้นได้ โดยระดับสำคัญของ TRL ขึ้นอยู่กับสองปัจจัย
- คะแนนการเทรด: แสดงถึงประสบการณ์การเทรด โดยพิจารณาจากสัดส่วนมาร์จิ้นต่ออิควิตี้ในช่วงระยะเวลาที่มีการเปิดคำสั่งซื้อขายของผู้ให้บริการกลยุทธ์หรือผู้ดูแลพอร์ทการลงทุน ซึ่งทุกคำสั่งซื้อขายที่เปิดอยู่มีส่วนทำให้คะแนนการเทรดเพิ่มขึ้น อัตราส่วนมาร์จิ้นต่ออิควิตี้ที่สูงขึ้นและ/หรือระยะเวลาที่นานขึ้นจะยิ่งกระตุ้นให้เมตริกนี้เพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
- วันที่มีการเทรด: แสดงจำนวนวันที่มีกิจกรรมการเทรด
เมื่อผู้ให้บริการกลยุทธ์หรือผู้ดูแลพอร์ทการลงทุนมีคะแนนการเทรดถึง 10 ในช่วง 10 วันซื้อขาย TRL ก็จะอยู่ในระดับนัยสำคัญ
ข้อจำกัดของ TRL
คะแนน TRL ยิ่งต่ำก็ยิ่งส่งผลให้เกิดข้อจำกัดในกลยุทธ์และกองทุนต่างๆ รวมถึงส่งผลต่อจำนวนเงินการลงทุนสูงสุดและการเข้าร่วมของนักลงทุนรายใหม่
โปรดพิจารณาข้อจำกัดที่สำคัญต่อไปนี้
สำหรับ TRL ของผู้ให้บริการกลยุทธ์
- ผู้ให้บริการกลยุทธ์สามารถเชิญนักลงทุน เพิ่มนักลงทุนไปยังกลยุทธ์ และเริ่มต้นการจัดสรรได้ก็ต่อเมื่อมี TRL อยู่ในระดับที่มีนัยสำคัญ (ตามที่กำหนดด้านบน)
- ระดับของกลยุทธ์ (ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีแดง เป็นต้น) ไม่ได้กำหนดข้อจำกัดของกลยุทธ์ แต่กำหนดว่าเป็นระดับที่มีนัยสำคัญหรือไม่เท่านั้น
สำหรับ TRL ของผู้ดูแลพอร์ทการลงทุน
- กองทุนที่อยู่ในระดับสูง (สีเขียว) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่มีนัยสำคัญจะไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับนักลงทุนรายใหม่ การลงทุน หรือกำหนดจำนวนเงินการลงทุนสูงสุดเพิ่มเติม
- ระดับ TRL ที่อยู่ในระดับต่ำ (สีแดง) ระดับปานกลาง (สีส้ม) หรือระดับไม่มีนัยสำคัญอนุญาตให้สามารถสร้างกองทุนได้ แต่นักลงทุนจะไม่สามารถเข้าร่วมและลงทุนในกองทุนได้ นอกจากนั้น จำนวนเงินการลงทุนสูงสุดของผู้ดูแลพอร์ทการลงทุนในบรรดากองทุนต่างๆ ทั้งหมดกำหนดอยู่ที่ 200,000 ดอลลาร์ต่อนักลงทุน
- หากผู้ดูแลพอร์ทการลงทุนมีกองทุนที่เปิดอยู่กับนักลงทุน แต่ต่อมามีระดับ TRL ไม่ถึงระดับสูง (สีเขียว) นักลงทุนรายใหม่ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมกองทุนนั้นได้ และไม่สามารถลงทุนครั้งใหม่ได้จนกว่าคะแนน TRL จะกลับมาอยู่ในระดับที่มีนัยสำคัญอีกครั้ง
ข้อคิดเห็น
0 ข้อคิดเห็น
โปรด ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อแสดงข้อคิดเห็น